กิจกรรมเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการ
กิจกรรมสันทนาการเพื่อการเรียนรู้
กิจกรรมเพื่อพัฒนาชุมชนและสิ่งแวดล้อม
” พลังเวลา ”
กองทุนเวลาเป็นวิธีการสร้างและใช้ทุนทางสังคม (Social capital) อย่างเป็นรูปธรรม และเป็นเครื่องมือในการหล่อหลอมและฟื้นฟู “ความมีน้ำใจ” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของคนไทย ให้กลับคืนมาอีกครั้ง
หากวันนี้ทุกคนบริจาคเวลาว่างของตนอย่างน้อยเพียงเดือนละ 3 ชั่วโมง และสามารถขยายไปอย่างน้อย 1,000,000 คน กองทุนฯจะมีจำนวนเวลารวมถึง 3 ล้านชั่วโมงต่อเดือนเพื่อการทำการดีเพื่อสังคมส่วนรวม
ซึ่งสามารถทำให้สังคมไทยน่าอยู่ยิ่งขึ้น
ผู้ก่อตั้งกองทุนเวลาเพื่อสังคม
เพราะเชื่อว่า คนเรามีความสามารถที่แตกต่างกัน และอาจนำความสามารถนั้นมาช่วยเหลือผู้อื่นได้ ผ่านการใช้เวลาว่างในชีวิตประจำวันที่มีอยู่
ซึ่งหากคนจำนวนมากสละเวลาว่างของตัวเองมาคนละนิดละหน่อย ก็จะเกิดเป็น “พลังเวลา” ที่มีคุณค่ามหาศาล หนุนนำให้สังคมของเราแข็งแกร่งขึ้นมาได้
หลังจากที่ผมได้แบ่งปันแนวคิด “ผู้ประกอบการเพื่อสังคม”ผ่านทางบทความในหนังสือพิมพ์ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (e-letter) และยังเผยแพร่ใน www.blog/oknation.net/kriengsak ได้มีผู้ที่สนใจแนวคิดนี้จำนวนไม่น้อย ซึ่งส่วนหนึ่งได้แสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กลับมายังผมด้วย
ตามที่กล่าวไปแล้วว่า แนวคิดนี้ยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับสังคมไทย ทำให้หลายท่านยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจนในทางปฏิบัติ ผมจึงขอยกตัวอย่างโครงการ “กองทุนเวลา” ที่ผมพร้อมทั้งอาสาสมัครร่วมกันดำเนินการมาได้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว โดยหวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านที่ต้องการเข้ามามีส่วนร่วมทำงานเพื่อ สังคม หรือใช้เป็นแนวทางในการริเริ่มทำโครงการเพื่อสังคมอื่น ๆ ต่อไป
แนวคิดของโครงการกองทุนเวลาเพื่อสังคมอยู่บนความเชื่อที่ว่า แต่ละคนมีความสามารถที่แตกต่างกัน และอาจนำมาช่วยผู้อื่นได้ ผ่านการใช้เวลาว่างในชีวิตประจำวันที่มีอยู่จำนวนหนึ่งไปช่วยเหลือสังคม การที่คนจำนวนมากสละเวลาว่างของตน ย่อมเป็น “พลังเวลา” ที่มีคุณค่ามหาศาลทำให้สังคมกลับเข้มแข็ง
โครงการนี้ เปิดโอกาสให้สมาชิกทุกระดับและทุกกลุ่มตั้งแต่ บุคคล องค์กร สถาบันการศึกษา บริษัท หน่วยงานภาครัฐ เอกชน หรือชุมชนในสังคมนั้น สมัครเข้าร่วมโครงการฯ จัดสรรช่วงเวลาว่างที่ตนสามารถอุทิศให้ได้ เพื่อทำกิจกรรมของสังคมตามประเภทของกิจกรรมที่ตนต้องการมีส่วนร่วม โดยกองทุนเวลาจะทำหน้าที่จับคู่ระหว่างผู้ขอรับความช่วยเหลือ กับผู้ให้ความช่วยเหลืออย่างเหมาะสม นับเป็นการลดภาระการพึ่งพิงภาครัฐ ด้วยการรวมพลังของคนในสังคม
การจัดตั้งกองทุนฯ มีเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังว่า ในสังคมมีอุปทาน (supply) ของเวลาของคนจำนวนมากที่ยังไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ ซึ่งเกิดจากการใช้เวลาที่ยังไม่เกิดประโยชน์สูงสุด ขณะเดียวกัน มีความต้องการ (demand) คนเข้ามาทำงานเพื่อสังคมจำนวนมาก แต่ไม่มีกลไกช่วยนำคนที่มีความสามารถ มีเวลา และมีจิตสาธารณะ ให้มาพบกับผู้ที่มีความต้องการความสามารถและเวลาของประชาชนเหล่านั้น
นอกจากนี้ ความไม่สมบูรณ์ของข้อมูลข่าวสารเป็นอีกหนึ่งอุปสรรค ที่ทำให้ผู้ที่มีความสามารถและมีเวลาว่าง ไม่รู้ว่าใครมีความต้องการให้เขาเข้าไปช่วยเหลือบ้าง เช่นเดียวกับผู้ที่มีความต้องการความช่วยเหลือ ที่ไม่รู้ว่าใครที่มีความสามารถช่วยเหลือเขาได้
ผมเห็นว่า สังคมไทยยังขาดระบบที่ทำหน้าที่ดังกล่าว ข้อมูลข่าวสารดังกล่าวยังมีอยู่ในวงจำกัด ขาดคนกลางที่ทำหน้าที่รวบรวมความต้องการของแต่ละฝ่าย ขาดระบบจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ไม่สามารถประสานพลังเพื่อแก้ไขปัญหาสังคม จึงทำให้มีความต้องการของคนบางส่วนในสังคมไม่ได้รับการช่วยเหลือ และทำให้ความสามารถและเวลาของคนบางส่วนไม่ได้ถูกใช้ไปอย่างเกิดประโยชน์สูง สุด
การจัดตั้งกองทุนเวลาจะช่วยเข้ามาอุดช่องว่างในส่วนที่ขาดหายไปของสังคมได้ และสามารถเติมเต็มความต้องการของสังคม ทำให้ผู้ให้และผู้รับเกิดความพึงพอใจ เพราะเกิดจากความสมัครใจทั้งสองฝ่าย ส่งผลให้ประเทศได้รับการพัฒนาและมีความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน และสังคมเข้มแข็ง
มากยิ่งกว่านั้นกองทุนเวลาจะเป็นตัวช่วยลดช่องว่างของสังคม เพราะ เป็นกระบวนการถ่ายโอนความรู้ความสามารถของผู้เข้มแข็งให้กับผู้อ่อนแอ การอุทิศเวลาว่างเพียงน้อยนิดของแต่ละคนจึงสามารถสร้างสรรค์สังคมได้อย่าง มากมายมหาศาล
กองทุนเวลามีวิธีการดำเนินกิจกรรม คือ เป็นการจัดการด้านอุปทานของเวลา โดยการสร้างระบบหรือวิธีการในรูปแบบต่าง ๆ ที่เหมาะสม เพื่อให้อาสาสมัครแต่ละคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้อย่างสะดวกและเป็นไปตามความสนใจ โดยอาจจะแบ่งเป็นกลุ่มตามลักษณะทางเศรษฐกิจและสังคม และตามความสนใจ
ตัวอย่าง กลุ่มตามความสนใจ เช่น กลุ่มนักศึกษา กลุ่มคนหนุ่มสาว กลุ่มคนทำงาน กลุ่มผู้เกษียณอายุ กลุ่มที่สนใจปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชน หรือกลุ่มที่สนใจปัญหาสุขภาพในผู้สูงอายุ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อให้อาสาสมัครสามารถทำงานร่วมกันได้โดยไม่ต้องปรับตัวมาก และสามารถเชิญชวนญาติมิตรที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกันให้อุทิศเวลาเข้ามาทำงานในกองทุนเวลาได้ด้วย
กองทุนเวลา จะจัดระบบสารสนเทศ เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับเวลาและกิจกรรมที่อาสาสมัครแต่ละคนได้ทำงานช่วย เหลือสังคมผ่านกองทุนฯ แล้วทำการคำนวณออกมาเป็นหน่วยคะแนนที่สามารถนับได้ ระดับคะแนนสะสมที่อาสาสมัครแต่ละคนได้รับ จะถูกใช้เป็นเกณฑ์ในการกำหนดรางวัลในรูปแบบต่าง ๆ ให้แก่อาสาสมัครแต่ละคน ด้วยวิธีการนี้ อาสาสมัครจะเกิดแรงจูงใจในการทำงานเพื่อช่วยสังคม และจูงใจให้คนอื่น ๆ เข้ามาร่วมทำงานในกองทุนฯ อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้กองทุนฯ จะทำหน้าที่ในการจัดโครงการต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อคนในสังคม โดยการประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีความต้องการให้อาสาสมัครไปทำงาน เช่น โครงการห้องสมุดสำหรับคนจน โครงการหนังสือมือสอง โครงการอ่านหนังสือลงแผ่นซีดีให้คนตาบอดฟัง โครงการสอนภาษาอังกฤษให้เด็กในชุมชน การให้คำปรึกษาด้านสุขภาพและครอบครัว การช่วยซ่อมแซมที่อยู่อาศัย การสร้างสิ่งของถาวรให้แก่คนในชุมชน เป็นต้น
ผมเชื่อว่าแนวคิดการจัดตั้งกองทุนเวลาเป็นแนวคิดเชิงที่มีความเป็นไปได้ที่จะสร้างให้เกิดขึ้น พร้อมทั้งขยายจำนวนเพิ่มขึ้นในสังคมไทย หากวันนี้ทุกคนบริจาคเวลาว่างของตนอย่างน้อยเพียงเดือนละ 3 ชั่วโมง และสามารถขยายไปอย่างน้อย 1,000,000 คน กองทุนฯจะมีจำนวนเวลารวมถึง 3 ล้านชั่วโมงต่อเดือนเพื่อการทำการดีเพื่อสังคมส่วนรวม ซึ่งสามารถทำให้สังคมไทยน่าอยู่ยิ่งขึ้น ลดภาระของภาครัฐได้ในระยะยาวและยังเป็นการแก้ไขปัญหาสังคมที่ยั่งยืน
กองทุนเวลาเป็นวิธีการสร้างและใช้ทุนทางสังคม (Social capital) อย่างเป็นรูปธรรม และเป็นเครื่องมือในการหล่อหลอมและฟื้นฟู “ความมีน้ำใจ” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของคนไทย ให้กลับคืนมาอีกครั้ง
เชื่อมผู้ที่เป็นอาสาสมัคร กับองค์กร หรือหน่วยงานที่ต้องการอาสาสมัคร โดยใช้ Application Time Bank
ให้เวลา ให้ความสุข มาร่วมแบ่งปันไปกับพวกเราได้แล้ววันนี้ โหลดเลย !!! Timebank Application.
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธานสถาบันการสร้างชาติ และประธานผู้ก่อตั้งกองทุนเวลาเพื่อสังคม จับมือกับ รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม
ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ด้านการพัฒนาระบบเชื่อมโยงจิตอาสาและด้านการขับเคลื่อนเชิงนโยบาย 4 ด้าน
ได้แก่ ด้านการพัฒนาระบบเชื่อมโยงอาสา, ด้านการขับเคลื่อนเชิงนโยบาย, ด้านการรณรงค์ “สร้างคนอาสา” สังคมคุณธรรม การพัฒนาคน และด้านการทำงานร่วมกันในภาพรวม ณ ห้องประชุม ศูนย์คุณธรรม